เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ต่อมไขมันทำงานลดลง ผิวหนังบางลงทำให้มีโอกาสเป็นโรคผิวหนังต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงที่มักเจอในผู้สูงวัย

• ฝ้ากระบนผิวหนัง จากการสะสมของเม็ดสี

• กระเนื้อ

• ผิวแห้งและแพ้ง่าย

• ผิวบาง ทำให้เป็นแผลและเกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย

• เล็บแข็งขึ้น หนาขึ้น และสีเข้มขึ้น แต่หักง่าย

• แผลหายช้า

• ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง

โรคผิวหนังหรืออาการทางผิวหนังที่มักเจอในผู้สูงอายุ

• ผิวหนังเหี่ยวย่น จากปริมาณคอลลาเจนและอิลาสตินที่ลดลง การขยับตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า การสัมผัสหน้าแรงๆ เป็นประจำ และการโดนแดดโดยไม่มีการป้องกัน

• ผื่นคันจากแห้ง จากปริมาณน้ำมันและเหงื่อที่ร่างกายผลิตน้อยลง ทำให้เกินอาการคันและแพ้ได้ง่ายขึ้น

• ผื่นคันจากอาการแพ้ ส่วนมากจะพบในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด และเกิดได้จากหลายสาเหตุ

• จุดด่างดำ จากการรวมตัวของเม็ดสีที่ผิดปกติทำให้เกิดเป็นรอยสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร ในจุดที่โดนแดดเยอะ เช่น คอ หน้า หลังมือ และแขน

• สิวอุดตันหัวปิด จากการที่โดนแดดแรงจัดโดยไม่ป้องกัน มักเกิดบริเวณตาและโหนกแก้ม  

• กระเนื้อ ซึ่งเป็นเนื้องอกนูนออกมาจากผิวหนัง และมักมีสีเข้ม ส่วนมากขึ้นบนหน้า อก คอ และหลัง

• แผลเป็นและการติดเชื้อ จากการที่ผิวหนังบางลง ฉีกขาดได้ง่ายขึ้น และหายยากขึ้น ซึ่งแผลเหล่านี้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง

• มะเร็งผิวหนัง ซึ่งหลักๆ มาจากกรรมพันธุ์และการโดนแดดโดยไม่มีการป้องกัน

• งูสวัด มาจากการที่ไวรัสวาริเชลลส (Varicella virus) ซึ่งแฝงอยู่ในร่างกายจากการเคยเป็นโรคอีสุกอีใสหรือการได้รับเชื้อมาอย่างไม่รู้ตัวกำเริบในช่วงที่ภูมิคุ้มกันต่ำลง

การรักษาโรคผิวหนังในผู้สูงอายุ

วิธีที่ดีที่สุดในการดูแลผิวหนังในผู้สูงอายุคือการทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ทาครีมกันแดดทุกวัน พยายามอย่าทำให้เกิดแผล และหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ทั้งนี้หากมีอาการโรคผิวหนังเรื้อรังหรือมีอาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคงูสวัด ควรรีบเข้ามาปรึกาาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังทันที